Yellow Tokyo #3 : เราจะไปโคชิเอ็น

หากนึกถึงมังงะหรือการ์ตูนญี่ปุ่น นอกจากลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว จุดเด่นคือเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยความฝัน จินตนาการ มิตรภาพ ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นปล่อยพลังใส่คนอ่านไปทั่วโลก และหากนึกถึงแกนนำผู้พาการ์ตูนญี่ปุ่นผงาดทั่วปฐพีคงต้องนึกถึงโชเน็นจัมพ์ (Shonen Jump) เป็นอันดับแรก หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่จะบอกว่านี่คือหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ที่มียอดขายสูงสุด เจ้าของลิขสิทธิ์มังงะระดับตำนานอย่างดราก้อนบอล สแลมดังก์ รวมถึงว่าที่ตำนานวันพีซ นารูโตะ และอื่นๆ อีกมากมาย จุดเริ่มต้นของตำนานเหล่านี้มาจากการ์ตูนรายสัปดาห์เล่มนี้ ก่อนจะต่อยอดสร้างเป็นอนิเมชั่น สินค้าของเล่น โมเดล ฯลฯ โชเน็นจัมพ์คือการ์ตูนลูกผู้ชาย (โชเน็น = วัยรุ่นชาย) ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังวัยรุ่น ความฝัน การต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรค และมิตรภาพแบบสี่สีทั้งเล่ม!

บัดนี้ ข้าพเจ้าได้มาเยือนฐานทัพของการ์ตูนยอดฮิตระดับตำนานทั้งหลายที่กล่าวมาว่ามาแล้ว วะฮ่าฮ่า!

batch_IMG_6418

มีการ์ตูนเรื่องนึงที่เราชอบมากชื่อ Bakuman เพิ่งจบไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ตัวเอกใฝ่ฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูนลงจัมพ์ ในเรื่องก็จะบรรยายว่ากว่าจะมาเป็นเจ้าของผลงานฮิตได้ต้องพยายามหนักแค่ไหน รวมถึงสอดแทรกกระบวนการผลิตการ์ตูนของสำนักพิมพ์ด้วย อ่านเจอว่าตึกสำนักพิมพ์อยู่แถวสถานี Jimbocho ก็เลยลองหาข้อมูลดู ไม่คิดว่าจะใกล้ขนาดนี้ ตรงข้ามซอยโรงแรมเลย : )

ตอนเช้ายังเงียบอยู่ กอง บก.ยังไม่มาทำงาน ยืนชะเง้อมองเข้าไปในตึก ชั้นล่างเป็นห้องที่นักเขียนหน้าใหม่เอาต้นฉบับมาเสนอเหมือนในบาคุแมนเป๊ะ ยกกล้องถ่าย 2-3 รูป รปภ.เดินมา เผ่นก่อนดีกว่า เดี๋ยวเค้าหาว่ามาขโมยผลไม้ปีศาจ

DSC_0461

คนชอบอ่านการ์ตูนคงเคยได้ยินประโยคนี้ “เราจะไปโคชิเอ็น” โดยเฉพาะการ์ตูนกีฬา โคชิเอ็นคือเบสบอล ม.ปลายรอบชิงแชมป์ประเทศ คือการต่อสู้ระหว่างเด็ก ม.ปลายหลายพันคนเพื่อแย่งชิงที่หนึ่งของประเทศ หลายคนสิ้นสุดความฝันลงที่นี่โดยเฉพาะเด็ก ม.6 ที่หากคว้าแชมป์ไม่ได้หมายถึงไม่มีโอกาสแก้มืออีกแล้วตลอดชีวิต โคชิเอ็นจึงกลายเป็นสังเวียนแห่งความฝันของเด็กญี่ปุ่น แถมยังเป็นบันไดมุ่งสู่การเป็นนักเบสบอลอาชีพ หมายถึงได้เล่นในโตเกียวโดม ….แต่เราเดินตรงมาเรื่อยๆ สิบนาทีก็ถึงแล้ว (อินโทรซะยาวแถมไม่เกี่ยวกับโคชิเอ็นซักนิด)

โตเกียวโดมคือสนามกีฬายักษ์หลังคารูปไข่ ได้ฉายาว่า Big Egg นอกจากจะเป็นสนามเบสบอลของทีม Tokyo Giants แล้ว ยังเป็นที่จัดคอนเสิร์ตอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นด้วย เรียกว่าต้องเป็นวงที่เจ๋งจริงเท่านั้นถึงจะได้มา Live at Tokyo Dome คอนเสิร์ตระดับตำนานที่เคยจัดที่นี่ก็เช่นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ X Japan รวมถึงศิลปินระดับโลกหลายวงก็เคยมาเล่นที่นี่ โตเกียวโดมวันนี้มีงานฉลองแชมป์เมเจอร์ลีกของทีม Giants พอดี แฟนมากันเยอะมาก ต่อแถวรอเข้าสนามยาวจนเต็มลานหน้าสนาม บ่งบอกได้ว่าคนญี่ปุ่นคลั่งไคล้เบสบอลจริงๆ

batch_DSC_0229

batch_DSC_0231

บรรยากาศรอบงานคึกคักสมกับงานฉลองแชมป์ สินค้าที่ระลึก ชุดแข่ง ลดราคากระหน่ำฉลองปิดฤดูกาล เห็นแล้วก็อยากได้แต่ถึงจะลดยังไงก็ยังแพงอยู่ดี กะว่าจะเดินชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เบสบอลในโตเกียวโดมด้วย แต่คนเยอะขนาดนี้เข้าไม่ได้แน่ เดินหาความฝันต่อไปกันดีกว่า

batch_DSC_0239

เด็กญี่ปุ่นก็มีความฝันไม่ต่างจากเด็กไทยคือเรียนจบแล้วก็อยากเข้ามหาลัยดังๆ เพื่ออนาคตที่ดี หลายคนยอมเสียเวลาเป็นปี เรียนกวดวิชาเพียงอย่างเดียวเพื่อเอ็นท์ให้ติดมหาลัยอันดับหนึ่งก็คือ University of Tokyo หรือที่เรียกกันติดปากว่าโทได ตย.เช่น อุราชิม่า เคทาโร่ พระเอกการ์ตูนเรื่อง Love Hina ที่ทำสัญญาตอนเด็กไว้กับเด็กผู้หญิงตอนคนนึงว่าจะเข้าโทไดให้ได้! จะเข้าโทไดให้ได้! (อืม ดูมีจุดหมายในชีวิตมาก) จึงออกจากบ้านมาเช่าห้องเพื่ออ่านหนังสือสอบหลังจากซิ่วมาสองปี บางคนทำงานพาร์ทไทม์หารายได้ไปด้วย เด็กซิ่วญี่ปุ่นเลยต่างจากเด็กไทยที่มักทนเรียนปีหนึ่งไปก่อนค่อยสอบใหม่หรือย้ายคณะ

batch_DSC_0299

ไป ม.โตเกียวนั่งรถไฟใต้ดินใกล้สุดคือลงสถานี Hongo-Sanchome จากโตเกียวโดมแค่สถานีเดียวเลยตัดสินใจเดิน (งก) แต่เดินไปเดินมาเจอวัด ขึ้นเนิน เลยเปิด google map ผลคืออ้อมมาไกลมาก เกือบจะเลยไปอีกสถานีอยู่แล้ว – -”

เราเข้าไปเดินเล่นในโทไดได้ ไฮไลท์คือถนนเมนของมหาลัยที่สองข้างทางมีต้นแปะก๊วยเรียงตลอดความยาวถนน ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีวัยรุ่นหนุ่มสาวมาเดินจับมือกัน พ่อแม่จูงลูกตัวเล็กๆ มาวิ่งเล่น เอาขาตั้งมากางนั่งวาดรูป แต่ไม่ค่อยเจอนักศึกษาเพราะวันนี้วันเสาร์ด้วยมั้ง ชิลล์มาก เหมือนเป็นสวนสาธารณะเลย

batch_DSC_0267

batch_DSC_0277

batch_DSC_0282

มหาลัยโตเกียวก่อตั้งมาร้อยกว่าปีแล้ว อาคารสไตล์ยุโรปดูเก่าแก่ ถ้าเป็นช่วงปิดเทอมไม่ค่อยมี นศ. คงหลอนน่าดู ไม่รู้เหมือนกันว่ามหาลัยญี่ปุ่นจะมีเรื่องเล่าต่อกันมาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้องเหมือนบ้านเราไหม แบบตึกนี้เคยมีคนฆ่าตัวตายไรงี้

batch_DSC_0290

batch_DSC_0288

เดินมาตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไร กะฝากท้องแถวมหาลัยนี่แหละ ไม่น่าแพง ตรงข้ามประตูแดงในตำนานมีร้านข้าวหน้าปลาดิบอยู่ร้านนึง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกินเลยครับ เปิดซิงอีกแล้ว (จริงๆ อยากกินโรงอาหารมหาลัยแต่ไปไม่ถูก) ร้านนี้จัดเป็นร้านอาหารโลคอลแรกในทริปนี้เลย เพราะเมื่อวานกินในห้าง สั่งข้าวหน้าแซลมอน+มาคุโร่ ราคา 690 เยน ในร้านเป็นเคาน์เตอร์รูปตัว U ตรงกลางเป็นทางเดินพนักงานเสิร์ฟแบบรอบทิศทาง ป้าเจ้าของร้านให้คูปองสะสมแต้มมาให้ด้วย ไว้มีตังค์จะกลับไปกินอีกนะ

batch_IMG_6426

เมื่อสัก 20 ปีก่อน ถ้าบอกว่าญี่ปุ่นจะไปบอลโลกคงมีคนหัวเราะเยาะ แต่มีเด็กน้อยคนหนึ่งเชื่อว่าความฝันนี้เป็นจริงได้ ด้วยความมุมานะหมั่นฝึกซ้อม ออกเดินทางค้าแข้งต่างแดนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ปัจจุบันทีมซามูไรบลูก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของโลก ซึ่งนักเตะทีมชาติญี่ปุ่นยึดเด็กน้อยคนนี้เป็นตัวอย่างของความพยายามตามความฝันพาธงชาติไปโบกสะบัดในสนามฟุตบอลโลกได้สำเร็จ เด็กน้อยคนนี้ชื่อโอโซระ ซึบาสะ จากกัปตันซึบาสะ การ์ตูนฟุตบอลสุดโอเวอร์ยิงลูกไม้ตายตาข่ายขาดนั่นเอง

ความสำเร็จของทีมชาติญี่ปุ่นมีรากฐานมาจากฟุตบอลในประเทศ แม้ความนิยมไม่เท่าเบสบอลแต่ J-League ก็เป็นก้าวแรกของหลายคนที่ปัจจุบันตามรอยซึบาสะไปค้าแข้งลีกใหญ่ในยุโรปอย่างเคซุเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คากาวะ ตอนเด็กๆ ช่อง 9 เอาไฮไลท์บอลเจลีกมาฉายก็ดูตลอดตามประสาเด็กบ้าบอล ทีมที่เราประทับใจตั้งแต่เด็กคือ Urawa Red Diamonds เนื่องจากสีเสื้อเหมือนแมนยู (ฮา) แถมตัวเอกในการ์ตูนฟุตบอลที่ชอบสมัยนั้นก็อยู่ทีมนี้ด้วย วันนี้ปีศาจแดงแห่งญี่ปุ่นมีแข่งในบ้าน ตั๋วก็ซื้อตั้งแต่ตอนมาถึงแล้ว ไปสเตเดี้ยมกัน!

Saitama Stadium สนามเหย้าของเร้ดส์อยู่ไกลหน่อย (ไม่หน่อยล่ะ แม่งกลางทุ่งเลย) แต่ไปไม่ยาก เพราะเป็นสนามที่ใช้จัดบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพเลยเดินทางสะดวก จากโทไดนั่งรถไฟโตเกียวเมโทรสาย Nanboku รวดเดียวสุดสายลงสถานี Urawa-Misono โผล่หน้าสนามเลย (เอาจริงๆ เป็นสถานีสำหรับมาสนามโดยเฉพาะ คือแยกจากรถไฟสายหลักตรงมานี่เลย) บนรถไฟอัดกันแน่นจนต้องแย่งอากาศหายใจ แฟนบอลเยอะมาก บางคนนี่จัดเต็มอุปกรณ์การเชียร์มาจากบ้านเลย เดินตามกองเชียร์ไปยังไงก็ไม่หลง เป็นที่แรกที่มาแล้วไม่หลง ฮ่าๆ แต่อย่างที่บอกสนามอยู่กลางทุ่ง เดินเข้าไปอีกกิโลนึง มีรถบัสรับส่งด้วยแต่แฟนบอลส่วนมากเดินกันนะ

batch_DSC_0330

batch_DSC_0338

batch_DSC_0348

ปลายเดือนพฤศิกายน เข้าสู่โค้งสุดท้ายของเจลีก การขับเคี่ยวยิ่งเข้มข้นมากขึ้น เร้ดส์ที่ตอนนี้เป็นรองจ่าฝูงมีคิวต้อนรับทีมแกร่งอย่าง Kawasaki Frontale แต่ปัญหาคือตั๋วในมือดันเขียนว่า visitor ตั๋วทีมเยือนซะงั้น (โทษป้าที่ร้าน Lawson) ด้วยความหน้าด้าน+กลัวโดนกระทืบ เดินไปที่บูธขอเปลี่ยนตั๋วซะเลย พอบอกสต๊าฟสาวน่ารักว่าขอเปลี่ยนเท่านั้นแหละ นางปีนข้ามโต๊ะกระโดดลงมาเลย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอบริการทุกระดับประทับใจแบบนี้มาก่อนเลย ไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้ แจแปนโอนลี่ (ถ้านางโดดลงมาขาหักจะรู้สึกผิดมาก ขอเนรเทศตัวเองไปอยู่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 5 ปี)

แต่บริการถึงใจขนาดนั้นใช่ว่าสื่อสารกันรู้เรื่องนะ คุยกันจนเมื่อยมือนางบอกให้ยืนตรงนี้นะ โคเระๆ แล้วก็วิ่งไปวิ่งมา ในที่สุดก็วิ่งเอาตั๋วมาให้ เข้าสนามได้เลยนะคะ ประตูนี้นะคะ แถมสายรัดข้อมือให้อันนึงด้วย แล้วก็โค้งเราใหญ่เลย ประทับใจที่สุด น่ารักอีกตะหาก โอ๊ยยยยยยย <3

batch_DSC_0358

บรรยากาศในสนามบอกได้คำเดียวว่าสุโค่ย ทุกคนโบกธงตะโกนเชียร์พร้อมเพรียงกันเหมือนซ้อมมาอย่างหนักไม่ต่างจากนักเตะในสนาม ทำเอาขนลุกเลย (แม่มหนาว) ถึงแม้ดาวดังทีมชาติญี่ปุ่นยุคปัจจุบันจะค้าแข้งต่างแดนกันหมด แต่นัดนี้ก็ได้เห็นอดีตทีมชาติที่เคยอยู่ยุโรปหลายคน หนึ่งในนั้นคือฮีโร่จากเวิลด์คัพ 2002 ที่ทำประตูให้ญี่ปุ่นได้ในสนามแห่งนี้ จุนอิจิ อินาโมโตะ แม้อายุเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของอาชีพแล้วก็ยังหัวแดงเท่อยู่เลย (แต่ไม่ค่อยมีแรงวิ่งแล้วนะ)

batch_DSC_0369

batch_DSC_0388

รูปเกมเจ้าบ้านครองบอลบุกมากกว่าแต่ทีมเยือนมีทีเด็ดที่ความเก๋ารอจังหวะโต้กลับเร็ว บุกมาเอาชนะไปได้ 3-1 ถึงแม้กองเชียร์จะตะโกน “อูราวะเร็ตสึ อูราวะเร็ตสึ” ให้กำลังใจอยู่ตลอดแต่ก็ไม่เป็นผล ปีศาจแดงที่กำลังลุ้นแชมป์พ่ายคาบ้านในโค้งสุดท้ายของฤดูกาล และนัดที่เหลือหลังจากเราไปดูที่สนามก็แพ้รวดจนวืดแชมป์ไปเลย (กูไปเป็นอีแรงทีมเค้าชัดๆ)

จบเกมกองเชียร์เจ้าบ้านเดินออกมาอย่างเซ็งๆ บางคนออกมาก่อนตั้งแต่กรรมการยังไม่เป่าหมดเวลาจะได้ไม่เบียดเสียดมาก แวะร้านขายของสโมสรก็ได้แต่มองเพราะเสื้อแข่งแพงมาก ตีเป็นเงินไทยสี่พัน แพงกว่าเสื้อแมนยูของแท้อีก เลยได้แค่แมกกาซีนมาเล่มนึง (ซึ่งอ่านไม่ออกอยู่ดี)

batch_DSC_0402

นั่งรถไฟญี่ปุ่นแรกๆ ตื่นเต้นมาก กลัวลงผิด กลัวเลยสถานี ตอนนี้เหมือนเลเวลอัพ ปรับตัวเข้ากับรถไฟญี่ปุ่นได้แล้ว หลับยาวจากไซตามะจนถึงโตเกียวเลย (ปกตินั่งรถเมล์กรุงเทพนี่หลับเลยป้ายประจำ – -”) ตื่นตอนถึงสถานี Korakuen พอดี กลับมาที่โตเกียวโดมอีกรอบ เป้าหมายคือ Batting Center สนามซ้อมตีเบสบอลในห้างติดกับโตเกียวโดม อ่านการ์ตูนเบสบอลเรื่อง H2,Touch ของอาดาจิ มิซึรุมาตั้งแต่เด็กยังไม่เคยจับไม้หวดซักที มาถึงญี่ปุ่นมันต้องลองหน่อย เราจะไปโคชิเอ็น โอ๊สส!

Batting Center ก็คล้ายๆ ตู้เกมคือจะเล่นก็หยอดเหรียญ ขั้นแรกต้องแลกเหรียญก่อนราคา 1,000 เยนแลกได้ 3 เหรียญ เห็นมนุษย์เงินเดือนใส่สูทผูกเนคไทมาระบายความเครียดหวดกันตู้มๆ อืมมม… ก็ไม่ยากนี่นา มีสปีดลูกเบสบอลให้เลือกหลายระดับงั้นเอาง่ายสุดละกัน ถอดเสื้อกันหนาวออก หยิบไม้เบสบอลขึ้นมา ตาจ้องไปที่บอล แล้วหวดออกไปเต็มแรง!

IMG_6515_batch

เฟี้ยวว…

เสียงไม้กระทบกับออกซิเจนในอากาศ ตีไม่โดน สไตรค์หนึ่ง!

เห็นพี่มนุษย์เงินเดือนข้างๆ ทำไมเค้าตีง่ายจัง พยายามดูจังหวะว่าเค้าตียังไง สงสัยเหวี่ยงไม้เร็วเกินไป งั้นจัดบอลเร็วกว่าเดิมไปเลย 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สปีดบอลเมเจอร์ลีก!

IMG_6516_batch

ตีจนไหล่แทบหลุดสุดท้ายก็ตีไม่โดนอยู่ดี เผลอแป๊บเดียวเงินหายไปสองพันเยน

ถ้าโคชิเอ็นมันไปยากขนาดนี้ …กูนั่งรถไปเองก็ได้

2 responses to “Yellow Tokyo #3 : เราจะไปโคชิเอ็น

  1. หวัดดีครับ พอดีจะไปโตเกียวช่วง 26-30 มีนาคม ครับ
    อยากดูโคชิเอ็ง / ฟุตบอลเจลีก / เบสบอล (อะไรก็ได้) มากๆสักครั้งในชีวิตเหมือนกันฮะ เลยเสิร์ชมาเจอเพจนี้ครับ

    ถ้าจะขอแนะนำการจองตั๋วกีฬาเหล่านี้สักหน่อยจะได้ไหมครับ? :”)

    • ตั๋วเบสบอลกับเจลีกซื้อที่ตู้ในร้าน lawson ได้เลยครับ ลองเช็คโปรแกรมแข่งแล้วจดไปให้พนักงานช่วยกดให้ก็ได้ครับ

Leave a comment