ไต้หวันไดอารี่ ตอนที่ 2 : East meets West

เช้าแรกในไต้หวันฝนตกเบาๆ หลังจากเมื่อวานตกลงว่าวันนี้จะไปจิ่วเฟิ่น (Jiufen) กับกิ๊ฟเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ไม่ได้ไปกันสองต่อสองหรอก มีเพื่อนกิ๊ฟไปด้วย นัดกัน 10 โมงที่ Taipei Main Station เราตื่นก่อนพอสมควรเลยออกเดินสำรวจละแวกใกล้ๆ มีตลาด Guting Market อยู่ฝั่งตรงข้าม คงได้เห็นวิถีชีวิตยามเช้า ลองประเดิมอาหารเช้าสไตล์ไต้หวันซะหน่อย

IMG_4655ตลาดเช้าที่นี่ไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ มีแผงผักผลไม้ เขียงหมู ของชำ อาหารปรุงสำเร็จ ซุเปอร์มาร์เก็ตอินโด (ใครมาเรียนที่นี่แนะนำพวกซุเปอร์จากฟิลิปปินส์ อินโด ราคาถูก) บรรยากาศไม่ค่อยวุ่นวายมากนัก เดินได้แป๊บนึงก็เจอร้านขายอาหารเช้าเป็นบะหมี่ มีอาแปะอาอึ้มแวะเวียนไม่ขาดสาย อากาศหนาวนั่งซดบะหมี่คงเข้าท่าดีเหมือนกัน เมนูไม่ต้องห่วง ภาษาจีนล้วนๆ ได้เวลาที่อั๊วะก็จะได้ใช้วิชานิ้วดรรชนีที่ฝึกมาซักที จิ้มมั่วๆ ได้บะหมี่น้ำมาชามนึง เครื่องเคียงเป็นเต้าหู้พะโล้กับสาหร่าย (เห็นมีเป็ด หมูสามชั้น ไข่พะโล้ด้วย แต่เสือกชี้ไม่ถูก อดแดกไป -*-) เต้าหู้พะโล้รสชาติใช้ได้ ส่วนบะหมี่ไม่ชอบอ่ะ คือบะหมี่แบบไต้หวัน ใส่ต้นหอมเยอะๆ น้ำซุปก็เป็นซุปต้นหอม เป็นคนเกลียดต้นหอม แต่ถูกดี 35NT เอง

IMG_4658ไม่ค่อยถูกปากกับมื้อเช้าแรกเท่าไหร่ แต่ก็อิ่ม ขากลับเจอร้านอาหารเช้าแบบฟิวชั่น ขายพวกแซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ ฟีทเจอริ่งหมี่ผัด ทอดกันร้อนๆ ชิ้นต่อชิ้นดูน่ากิน วันนี้ต้องนั่งรถไกลเลยซื้อแซนด์วิชเผื่อกินตอนเดินทาง ซื้อไปฝากกิ๊ฟชิ้นนึงด้วยโทษฐานยอมให้เราเกาะไปเที่ยว เฮียคนขายพูดอังกฤษไม่ได้ต้องชี้เหมือนเดิม เฮียแกพยักหน้าอ๋อๆ พูดอะไรจื่อๆ ซักอย่าง เออ มันคงแปลว่าแซนด์วิชมั้ง

เมื่อวานกิ๊ฟไปเกาสง (Kaoshiung) ไปเช้าเย็นกลับคงนั่งรถไฟเหนื่อยจึงยังไม่ตื่น เรานั่งเล่นเน็ตไปพลางๆ ที่พักอยู่ห่างจุดนัดพบแค่ 3 สถานีไม่ต้องรีบร้อนอะไร เพิ่งนึกได้ว่าเรายังไม่ได้ซื้อ Easy Card เลยแวะซื้อในสถานี บัตรนี้สามารถใช้โดยสาร MRT, รถไฟ, รถเมล์ ได้ถูกกว่าในราคาต่อเที่ยวเหมือนบัตรปลาหมึกของฮ่องกง ใช้ซื้อของในเซเว่น, ร้านอาหารหรือร้านฟาสต์ฟู้ดที่ร่วมรายการ นอกจากนั้นยังซื้อพวกบัตรผ่านประตูต่างๆ ได้ด้วย จะซื้อที่บูธหรือตู้อัตโนมัติก็ได้ ค่ามัดจำบัตร 100NT (ถ้าคืนบัตรก็จะได้คืน) ตังค์ในบัตรหมดก็ add value จากตู้อัตโนมัติได้เลย so easy :)

ได้ใช้งาน MRT ของไต้หวันเต็มๆ ขอยกนิ้วให้ในสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานี มีห้องน้ำให้ใช้ บางคนอาจกลัวการใช้ห้องน้ำห้องท่าในจีนแต่ขอบอกว่ามาไต้หวันสบายใจได้เลย คนปวดขี้บ่อยๆ อย่างเราก็ไม่มีปัญหา นอกจากห้องน้ำในสถานีรถไฟฟ้าแล้ว ตามร้านสะดวกซื้อ เซเว่นหลายสาขาก็มีห้องน้ำให้ใช้ ลองสังเกตเซเว่นที่มีโต๊ะให้นั่งกินอาหารนะฮะ มีห้องน้ำแน่นอน – -)b

IMG_0156ในสถานียังมีร้านสะดวกซื้อ ฟาสต์ฟู้ด ร้านเบเกอรี่ และอีกอย่างที่ยอมรับว่าประเทศเค้าคิดมาเพื่อโลกจริงๆ ก็คือห้องให้นมลูก ถ้าเป็นสถานีใหญ่ๆ ก็จะมีการตกแต่งห้องนี้ด้วยเครื่องใช้ ของเล่นสำหรับเด็ก บางสถานีก็เป็นคิตตี้ น่ารักอ้ะ :D

IMG_0154เช็คอินที่ไทเปเมนเรียบร้อย เพื่อนกิ๊ฟยังมาไม่ถึงเลยถือโอกาสเดินฆ่าเวลารอ ในสถานีมีช้อปปิ้งมอลล์ใต้ดินเหมือนกับบ้านเรา แต่ของที่นี่ใหญ่ไม่ใช่เล่น อย่าง Zhongshan Mall เราสามารถเดินที่นี่ไปเรื่อยๆ ตามทางรถไฟใต้ดินสายสีแดงจากไทเปเมนไปถึงสถานีจงซานได้เลย แต่ข้าวของไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ มีรัานเสื้อผ้าโหล ของฝาก มีโซนที่เป็นร้านขายเกม กิ๊ฟชอป ร้านของเล่น อารมณ์ประมาณสะพานเหล็ก เดินไปซักพักชักหลงเลยกลับไปรอเพื่อนที่ไทเปเมนดีกว่า หากต่อจากนี้จะมีเหตุการณ์หลงขี้นมานั่นคือความผิดของไกด์ทัวร์ที่ชื่อกิ๊ฟนะครับ เรามีหน้าที่เดินตามอย่างเดียว :P

ไทเปเมนใหญ่เวอร์แม้แต่คนไต้หวันเองยังหลง มีเจ๊คนนึงเดินมาถามทางเราเป็นภาษาจีน!! เราอึ้งไปสามวิ กิ๊ฟพูดแมนดารินได้เห็นท่าไม่ดีจึงพุ่งเข้ามาช่วย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะสองคนไทยก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน กว่าจะโทรหากันเจอปาเข้าไป 11 โมง เพื่อนกิ๊ฟเป็นสาวไต้หวันชื่อเคที่ อีกคนชื่ออเล็กซ์มาจากแคนาดา สองคนนี้สปีคอิงลิชดีมาก แต่เวลาคุยกันปกติจะใช้ภาษาจีน กิ๊ฟบอกว่าเพิ่งเจอเราเมื่อวานสาวไต้หวันนีสกับหนุ่มแคนาเดี้ยนท่าทางไม่เชื่อ ทำมือชี้ๆ มาทางเราสองคน ยิ้มกริ่มแอบแซวฮั่นแน่ฮั่นแน่ด้วย แหม… เรื่องแบบนี้มีเฉพาะในหนังแค่นั้นแหละ – -”

เคที่ซื้อตั๋วรถไฟ ไทเป > ยุ่ยฟาง (Ruifang) ไว้แล้ว 3 ใบ แต่ดันมีตัวละครลับโผล่มาร่วมทางอีกคนกลายเป็นจตุรราชาแห่งคุโรมาตี้ ซื้อตั๋วเพิ่มอีกใบ ถึงแม้จะเป็นตั๋วรถไฟ local train ธรรมดาก็สามารถเช็คตารางเดินรถและซื้อจากตู้อัตโนมัติได้เลย สะดวกดี

IMG_4668เรื่องซวยเล็กๆ ที่ช่วงปลายกุมภาเป็นช่วงหยุดยาวของคนไต้หวันพอดี คนแห่ไปเที่ยวเยอะมาก อดนั่งชมทิวทัศน์ข้างทางเห็นแต่เดอะจั๊กแร้คนข้างๆ โหนรถไฟโงกเงกประมาณชั่วโมงนึงก็ถึง

IMG_4673คนเยอะขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้บรรยากาศแบบทัวร์จีนเท่าไหร่นะ ดูแออัดก็จริงแต่ก็ทยอยคืนตั๋วออกจากสถานีกันไป คนไต้หวันไม่มีดันไม่มีกระแทก ไม่มีตะโกนโหวกเหวกเหมือนทัวร์จีนแผ่นดินใหญ่ (แต่เราว่าทัวร์จีนแบบฮาร์ดคอร์ก็มีเสน่ห์อีกแบบนะ)

เดินออกจากสถานียุ่ยฟางฝนตกปรอยๆ รถขึ้นจิ่วเฟิ่นมีทั้งรถเมล์และแท็กซี่ เรามากันสี่คนไปแท็กซี่สะดวกกว่า ค่าโดยสารตายตัว 180NT แท็กซี่จะมีแบบนั่งได้ 4 คนกับ 6 คน แชร์กับคนแปลกหน้าได้นะ แต่ห้ามนั่งเกิน

IMG_4679หากใครเคยดูอนิเมชั่นของ Studio Ghibli เรื่อง Spirited Away คงพอจะจำฉากหลังที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แสนน่ารัก ประดับด้วยโคมไฟกลมๆ สไตล์จีนสีแดงได้ โลเกชั่นในเรื่องนี้ลุงฮายาโอะ มิยาซากิแกได้แรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านจิ่วเฟิ่นแห่งนี้แหละ ที่นี่เคยเป็นเหมืองถ่านหินและเคยอยู่ใต้การปกครองของญี่ปุ่นมาก่อน จิ่วเฟิ่นจึงมีหลายสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นเหมืองในอดีต มีโรงหนังเก่าที่ญี่ปุ่นสร้าง ด้านในมีโปสเตอร์หนังเก่าที่เกี่ยวกับเหมือง หนังซามูไรญี่ปุ่น รวมทั้งของเก่าที่ยังเก็บรักษาไว้

IMG_4690อากาศปกติก็หนาวอยู่แล้ว บนภูเขาอุณหภูมิยิ่งต่ำลงไปอีก ฝนตกหมอกลงหนา ลมพัดแต่ละครั้งพาละอองหมอกบางๆ มาสัมผัสใบหน้าจนเกือบชา เราใส่เสื้อยืดทับด้วยฮู้ดแค่ตัวเดียวเอาไม่อยู่

IMG_4750IMG_4752ถนนด้านนอกหมู่บ้านจิ่วเฟิ่นจะมีร้านน้ำชา คาเฟ่น่ารักๆ ขึ้นบันไดไต่ดอยไปเรื่อยๆ ก็จะเจอโซนที่เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก สองข้างทางตกแต่งด้วยโคมไฟเหมือนเดิม พวกเราสี่ชีวิตเริ่มตาลาย มองเห็นจิ่วเฟิ่นเป็นหมู่บ้านซอมบี้ ฝนยังตกมาเรื่อยๆ ทะลุหลังคามาโดนหัวจนเปียก อากาศยังคงหนาว ถึงคราวหาอะไรอุ่นๆ กินแล้ว กิ๊ฟกับอเล็กซ์เพิ่งเคยมาจิ่วเฟิ่นครั้งแรก ดังนั้นหน้าที่หัวหมู่ทะลวงกินจึงตกเป็นของเคที่ XD

IMG_4711

IMG_4718

ได้อาหารปุ๊บพวกเราเริ่มหน้ามืด ร้านของฝากเอาไว้ทีหลัง เดินหน้ากินรัวๆ ของกินแปลกๆ มากมาย แต่ที่ช็อคสุดคือไอติมใส่ผักชี!!

IMG_4724

IMG_4734

IMG_4740

IMG_4746

ตกเย็นคนมาเที่ยวเยอะขึ้นเรื่อยๆ สภาพอากาศก็แย่ลงเรื่อยๆ อเล็กซ์ดูชิลมากเพราะแคนาดาหนาวกว่านี้เยอะ ส่วนเอเชียที่เหลือสามคนเริ่มเพลียเพราะคนแออัดเดินลำบาก เคที่เลยขอตัวลากอเล็กซ์ไปนั่งพักจิบชาในคาเฟ่ เหลือคนไทยสองคนมาไกลหลายพันไมล์ขอลุยต่อให้คุ้ม เล็ทสะโก้ววว

IMG_4726

IMG_4731

สารคดีเรื่องนึงกล่าวว่ามนุษย์เราโดนความหนาวเกินขีดจำกัดสติจะเริ่มเลือนราง ชาวไทยสองคนใกล้เข้าสู่ภาวะเช่นนั้นจึงเดินหน้าช้อปแหลก ซื้อขนม ซื้อของฝากน่ารักๆ หมดไปหลายร้อยโดยไม่รู้ตัว สะบัดแบงค์กันไปคนหลายหลายใบจึงเริ่มฟื้นคืนสติ จะตามไปสมทบเคที่ที่คาเฟ่ก็ดันไม่รู้ว่าอยู่ร้านไหน กิ๊ฟเลยชวนเรานั่งจิบน้ำชาอุ่นๆ ลี้ภัยหนาวละกัน

IMG_4769

ร้านน้ำชาที่นี่มีเยอะมาก เดาว่าแต่ละร้านรสชาติคงไม่ต่างกันมาก ต่างกันที่สไตล์การแต่งร้านเลยเข้าร้านมั่วๆ ไป ร้านน้ำชาที่นี่จะเหมือนกันคือเค้าจะขายเป็นชุด ร้านที่เรานั่งมีชุดเล็กสำหรับ 5 คน ชุดใหญ่ 10 คน ตายห่ะ หลวมตัวนั่งไปแล้วเลยสั่งชาอู่หลงชุดเล็กไป มากันแค่สองคนเท่ากับเราจิบชาเยี่ยงราชา โดนไปคนละเกือบสามร้อยบาท ไม่แน่ใจเหมือนกันถ้านั่งซดจนหมดจะกลับที่พักไปแย่งกันขี้อ๊ะป่าว

ไม่ได้อ่านป้ายหน้าร้านเลยจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ร้านมีสองชั้นตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ นั่งในร้านก็อุ่นดีแต่กิ๊ฟบอกมันไม่ได้บรรยากาศเลยนั่งนอกร้านริมระเบียง ความเป็นลูกผู้ชายจะให้พ่ายแพ้ต่อลมหนาวนั่งสั่นหงั่กๆ ได้ไง เลยต้องแอ๊บนิ่งสลับกับแว่บเข้าห้องน้ำในร้านเป็นจุดเซฟ

IMG_4758

IMG_4760

นั่งจิบชาคุยกันปากสั่นเรื่อยเปื่อยจนตะวันตกดิน เคที่กับอเล็กซ์ตามมาเจอที่ร้านพอดีได้เวลากลับไทเป ลมกับฝนชักแรงขึ้นเรื่อยๆ เห็นร่มปลิวหลุดจากมือต่อหน้าต่อตา ก่อนกะเหรี่ยงไทยจะกลายเป็นวิญญาณใน Spirited Away กิ๊ฟเลยชวนเข้าเซเว่นซื้อถุงหมีคนละถุง เรียกถุงหมีละกันเพราะซองเป็นรูปหมี แกะออกมาจะเจอถุงผ้าข้างในบรรจุทรายอะไรซักอย่างนี่แหละ ขยี้ถุงซัก 10 นาทีถุงจะร้อน เอาใส่กระเป๋าเสื้อเอามือซุกไว้ช่วยหายหนาวได้เยอะเลย :D

ขากลับพวกเราชาวคณะขึ้นรถบัสตรงกลับไทเปเลยง่ายดี กิ๊ฟตั้งท่าจะหลับในรถแต่หาได้สมดังปรารถนาไม่ พี่คนขับแกซิ่งมากครับ! ลองเลื่้อนขึ้นไปดูภาพข้างบนนะครับท่านผู้อ่าน ทางลงเขาประมาณนั้นแหละ ถนนแคบๆ โค้งหักศอก พี่แกดริฟท์ไม่ยั้งราวกับมีจรวดอาร์พีจีแบบติดตามเป้าหมายไล่หลังมา เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้โดยสารได้เป็นระยะๆ สาเหตุที่หนังญี่ปุ่นเรื่อง Initial D เลือกเจย์ โชว มารับบทพระเอกอาจเป็นเพราะความสามารถในการดริฟท์ติ้งซิ่งสายฟ้าที่ฝังอยู่ในหลอดเลือดใหญ่ของคนไต้หวันก็ได้นะ

เข้าตัวเมืองไทเปเจอขบวนแห่ + ถนนที่กำลังซ่อมนิดหน่อย ถึงไทเปตามเวลาที่กำหนดไว้ประมาณชั่วโมงพอดี (ไม่งั้นพี่แกคงอัด 40 นาที ทำลายสถิติเดิม) รถจอดปลายทางป้ายหน้าห้าง SOGO กิ๊ฟกับเพื่อนจะไปเดินในห้างต่อ เราเปียกมาทั้งวันกะว่าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยขอแยกตรงนี้ เอ่ย “เซี่ยเซี่ย” จับไม้จับมือแสดงความขอบคุณก่อนจะร่ำลาอเล็กซ์กับเคที่ มาเมืองไทยเมื่อไหร่ก็บอกนะ :)

สถานี MRT ตรงหน้าห้าง SOGO เป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนั่งไม่กี่สถานีถึงซีเหมินติง (Ximending) ย่านศูนย์รวมวัยรุ่นเลยเปลี่ยนแผนยังไม่กลับ ไปเดินแซ่บวัยรุ่นไต้หวันก่อนแล้วค่อยกลับที่พักรวดเดียว รายการท่องเที่ยวของไทยหลายรายการ ถ้ามาไต้หวันก็ต้องมาที่นี่ ซีเหมินติงเป็นศูนย์รวมวัยรุ่น แฟชั่นแบรนด์เนม เหมือนสยามสแควร์บ้านเรา ที่โดดเด่นก็คือเป็นพื้นที่ให้วัยรุ่นที่มีความสามารถออกมาปล่อยของกัน ร้องเพลง เล่นดนตรี โชว์มายากล แล้วแต่ความถนัด แล้วก็มีคนยืนดูจริงจังด้วย ใครเจ๋งมากก็เรียกคนมามุงดูเต็มถนนได้เลย

IMG_4782กลับจากซีเหมินได้เสื้อกันหนาวลดราคาสำหรับเอาชีวิตรอดในอีก 5 วันที่เหลือมาตัวนึง 490NT ใส่แล้วแม่งเหมือนคนไต้หวันมากจนโดนถามทาง ได้แต่ยิ้มแหะๆ ตอบไปสั้นๆ ว่าเป็นไทกั่ว (คนไทย) เดินวนหลายร้านไม่ค่อยมีอะไรน่าโดนเท่าไหร่ (แอบแพง) ตัดสินใจกลับโฮสเทลดีกว่า ขากลับต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้าไปขึ้นสายสีแดงที่ไทเปเมน ขณะกำลังขึ้นบันไดเลื่อนจากชานชาลาเพื่อเปลี่ยนสายรถไฟ เราก็พุ่งชนเรื่องบังเอิญอีกจนได้…

2 responses to “ไต้หวันไดอารี่ ตอนที่ 2 : East meets West

Leave a reply to toey Cancel reply